กลไกการเกิด
tachycardia นั้นมีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน คือ
1. Abnormal
automaticity
โดยปกติแล้ว
ในร่างกายจะมี pacemaker cell ที่สามารถทำให้เกิดหัวใจเต้นขึ้นได้เอง
เรียกว่า automatism ซึ่งถ้าออกแรงจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นเป็น
normal automaticity แต่ในบางรายที่ abnormal
automaticity ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นได้เองโดยที่ไม่สัมพันธ์กับการออกกำลังของผู้ป่วย
ลักษณะของ abnormal
automaticity นั้นจะมีลักษณะการเกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป (gradual
onset) หรือที่เรียกว่า warmup และตอนหายจาก arrhythmia จะมีลักษณะค่อยๆ หาย (gradual offset) หรือที่เรียกว่า
cooldown ดังนั้นการเกิด arrhythmia ถ้าเกิดจาก
abnormal automaticity จะมี warmup-cooldown
phenomenon ให้เห็นได้
2. Trigger activity
เกิดจากมี abnormal
trigger เพื่อกระตุ้นให้เกิด activity ขึ้นมาในช่วง
afterdepolarization (หรือ repolarization ที่ยังไม่กลับสู่ resting state) ทำให้ใช้ voltage
ในการกระตุ้นไม่มาก ก็ถึง threshold ในการกระตุ้นให้เกิด
action potential ได้
ลักษณะการเกิดและหายของ
trigger activity จะมีลักษณะคล้ายกับ abnormal
automaticity
3. Re-entry
การเกิด
arrhythmia โดยกลไก re-entry นี้จะประกอบด้วย
bidirectional pathway ที่ครบวง, เกิด unidirectional
block ทำให้การเกิดหมุนวงจรไปทางเดียว และเกิด PAC หรือ PVC มาตกในวงจรที่เหมาะสม ทำให้เกิดการหมุนวนครบวง
ใน re-entry นี้ไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด
ลักษณะการเกิดของ re-entry
นี้จะเกิดโดย PAC หรือ PVC มาตกในจังหวะที่เหมาะสม จากนั้นจะเกิด arrhythmia ขึ้นมาทันทีทันใด
(abrupt onset) และเวลาหายจะเกิดโดย PAC หรือ PVC ทำให้เกิดการหายอย่างทันทีทันใด (abrupt
offset) ซึ่งแตกต่างกับ 2 กลไกแรกที่กล่าวมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น